กัญชาทางการแพทย์กับกัญชาเพื่อเสพ ต่างกันอย่างไร
ความรู้ความเข้าเข้าใจเกี่ยวกับกัญชา
กัญชาทางการแพทย์ หมายถึง สารสกัดที่ได้จากการสกัดพืชกัญชาซึ่งทราบปริมาณแน่นอนของสาร CBD และ THC เพื่อนํามาใช้ทางการแพทย์ตามข้อบ่งชี้ ไม่ได้หมายถึง กัญชาที่ยังคงมีสภาพเป็นพืช หรือส่วนประกอบอื่น เช่น ยอดดอก ใบ ลําต้น ราก ถึงแม้กัญชาทางการแพทย์จะมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคบางโรค แต่ก็ไม่ได้แนะนำใช้เป็นการรักษาลำดับแรก (first-line therapy) เพราะว่ามีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่ายาหลัก การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาควรใช้เพื่อเป็นส่วนเสริม หรือควบรวมกับการรักษาตามมาตรฐาน ไม่สามารถเอามาเป็นการรักษาหลักได้
โรคและภาวะที่มีข้อบ่งชี้ให้ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ มีดังต่อไปนี้
- 1. ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบําบัด (chemotherapy induced nausea and vomiting)
- 2. โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา (intractable epilepsy)
- 3. ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis)
- 4. ภาวะปวดประสาท (neuropathic pain)
- 5. ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วย AIDS ที่มีน้ำหนักตัวน้อย
- 6. การเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
จะเห็นได้ว่าโรคที่มีข้อบ่งชี้ให้กัญชาทางการแพทย์นั้นเป็นโรคที่ค่อนข้างซับซ้อน ที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์และผ่านการรักษาตามมาตรฐานมาแล้ว กัญชาเป็นเพียงยาเสริมที่ช่วยลดอาการบ้างอย่างของโรคนั้นๆ ร่วมถึงการรับการรักษาด้วยกัญชาทางการแพทย์ ต้องผ่านการคำนวณปริมาณและรูปแบบที่เหมาะสมกับโรค อายุ น้ำหนักตัวของผู้ป่วย เช่น แบบกินเป็นเม็ด หรือน้ำมัน เป็นต้น
การเสพกัญชาหรือการใช้ในรูปแบบใดบ้างที่ไม่ถือว่าเป็นกัญชาทางการแพทย์
- การสูบกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการสูบแบบมวนบุหรี่ หรือสูบเป็นบ้องผ่านน้ำ ถือว่าเป็นการเสพกัญชา เพราะสารที่ได้มีปริมาณไม่แน่นอน
- การใช้กัญชาโดยที่ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ตามโรคที่กล่าวมาข้างต้น ถือว่าเป็นการเสพกัญชา
- การซื้อมาใช้เองโดยไม่ได้รับการสั่งจ่ายยาตามโรค และคำนวณปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ไม่เรียกว่าเป็นกัญชาทางการแพทย์
- การใช้เพื่อให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลาย คลายเครียด ถือว่าเป็นการเสพกัญชา
- กัญชาที่ผสมในอาหารหรือเครื่องดื่มไม่ได้เป็นกัญชาทางการแพทย์
สิ่งที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับกัญชา
- กัญชารักษามะเร็ง หรือต้านเซลล์มะเร็งได้ กัญชาไม่ได้มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งทุกชนิด เพียงแต่สามารถเอามาช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งและต้องให้เคมีบำบัดเท่านั้น จึงมักจะมีการเข้าใจผิดว่ารักษามะเร็งได้
- กัญชาช่วยรักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวลได้ การสูบกัญชาทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงทำให้เข้าใจผิดว่าเอามารักษาความเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวลได้ แต่ความจริงแล้ว กัญชาจะทำให้โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวลแย่ลง เพราะสมองจะเคยชินกับสารที่ทำให้มึนเมา ทำให้การรู้สึกมีความสุขจากสิ่งอื่นๆลดลง ร่วมถึงเมื่อใช้เวลาไปกับการสูบกัญชานานขึ้น ความสามารถในการคิดแก้ไขปัญหาก็จะช้าลง ทำให้ต้นตอของปัญหาที่ทำให้เกิดความเครียดไม่ได้ถูกแก้
- ใช้กัญชาช่วยให้นอนหลับ ดีกว่าการกินยา กัญชาทำให้รู้สึกผ่อนคลายทำให้บางคนใช้เพื่อช่วยให้นอนหลับได้ แต่เมื่อใช้ไปนานๆจะเกิดดื้อและเสพติดขึ้นทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม การใช้ยานอนหลับแผนปัจจุบัน แพทย์สามารถปรับในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกใช้ยาที่ไม่เสพติดได้ การรักษาปัญหาการนอนโดยใช้ยาแผนปัจจุบันจึงเหมาะสมกว่า
- ใช้กัญชารักษาโรคทางจิตเวชได้ดีกว่ากินยา ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือสนับสนุนว่ากัญชาช่วยรักษาโรคทางจิตเวชใดๆได้ ในทางตรงกันข้ามมีงานวิจัยและการเก็บสถิติมากมาย ที่บ่งบอกว่ากัญชาเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคทางจิตเวชได้บ่อย เช่น โรคจิตเภท (Schizophrenia), โรคไบโพล่า (Bipolar disorder), ความคิด ความจำ ความฉลาดลดลง (Cognitive impairment) โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มสูบตั้งแต่ก่อนอายุ 25 ปี กัญชาจะทำให้การพัฒนาของสมองลดลง
- กัญชามาจากพืช เป็นสารออแกนิค ไม่มีโทษ สารที่มาจากพืชไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย เปรียบเทียบ ยกตัวอย่างเช่น โคเคน (cocaine) ซึ่งเป็นยาเสพติดที่รุนแรงกว่ายาบ้า ก็ทำมาจากใบของต้นโคคา ซึ่งเป็นพืชแถบอเมริการใต้ หรือ เฮโรอีน (heroin) ก็ทำมาจากดอกฝิ่น หรือการสูบฝิ่นเองก็ทำให้เกิดการเสพติดรุนแรงเช่นกัน ดังนั้นสารที่มากจากพืชไม่ได้แปลว่าเป็นสารที่ไม่อันตราย
- กัญชาจากต่างประเทศไม่มีสารเจือปน ไม่ทำให้เกิดอาการทางจิตหรือผลข้างเคียง สารที่เป็นอันตรายในกัญชาคือ THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งอยู่ในตัวกัญชาเอง โดยเฉพาะมีปริมาณมากที่ช่อดอกกัญชา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกัญชาบริสุทธิ์จากที่ไหนไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยมากขึ้น เพราะตัวสารที่เป็นอันตรายนั้นอยู่ในตัวกัญชาเอง ไม่ได้เกิดจากการปนเปื้อนสารอื่นๆจากภายนอก
- กัญชาที่ปลูกเองสูบได้ไม่อันตราย เนื่องจากไม่มีสารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง เช่นเดียวกับข้างต้น กัญชาไม่ได้อันตรายจากสารปนเปื้อนหรือยาฆ่าแมลง แต่อันตรายเกิดจากสารที่ต้นกัญชาผลิตขึ้นมาเอง ดังนั้นต่อให้เป็นกัญชาที่ปลูกเองก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอยู่ดี
- เคยสูบกัญชามาตั้งนานแล้วไม่เป็นอะไร แปลว่าไม่อันตราย การสูบกัญชาในช่วงแรกอาจยังไม่พบว่าเกิดอาการผิดปกติ แต่หากยิ่งสูบนานขึ้น ในปริมาณมากขึ้น หรือมีพันธุกรรมแฝงอยู่การสูบเพียงเล็กน้อยก็เพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิดโรคทางจิตเวชได้ แต่จากสถิติมีการศึกษาผู้ที่เสพกัญชามา 20 ปี พบว่าเกือบครึ่งหนึ่ง (47.4%) กลายเป็นโรคไบโพล่าและโรคจิตเภท เปรียบเทียบเหมือนกับการสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่มา 1 ปี อาจยังไม่เป็นมะเร็งปอดในทันที แต่หากสูบมากขึ้นหรือมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมอยู่แล้วสูบเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เป็นมะเร็งปอดได้เช่นกัน
การเสพกัญชาที่บ่งบอกว่าเริ่ม “เสพติด”
- การใช้กัญชาแล้วเกิดอาการดื้อสาร (Tolerance) หมายถึง ต้องใช้ปริมาณมากขึ้นเพื่อให้ได้ความรู้สึกเท่าเดิม หรือใช้ปริมาณเท่าเดิมแล้วได้ความรู้สึกน้อยลง
- การใช้กัญชาแล้วเกิดอาการถอน (Withdrawal) หมายถึง เมื่อไม่ได้ใช้แล้วมีอาการกระสับกระส่าย อยากกลับไปเสพ
- การใช้กัญชาที่ทำให้เกิดผลกระทบตามมา เช่น ความคิดช้าลง ความจำสั้น ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง อารมณ์แปรปรวน ประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้ชีวิต ความรับผิดชอบลดลง
หากท่านหรือบุคคลใกล้ชิดมีภาวะเสพติดกัญชาตามข้างต้นและต้องการเลิกกัญชา DAY ONE ศูนย์บำบัดยาเสพติดเอกชน มีรูปแบบการบำบัดการรักษาที่ยึดแนวการบำบัดแบบองค์รวม เป็นสถานบำบัดยาเสพติดและฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับผู้ที่มีปัญหาจาก แอลกอฮอล์ สารเสพติด และการพนัน เพื่อฟื้นฟูทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม มีการบำบัดด้วยวิธีต่าง ๆ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
99/1 หมู่ 6 ตำบล ศรีจุฬา อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัด นครนายก 26000
064-645-5091
[email protected]
จันทร์ – อาทิตย์: 9.00 -17.00