ก่อนอื่นจากข้อมูลที่พบ ไทยพบปัญหายาเสพติดมาตลอด โดยสภาพปัญหาได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของโลกในยุคปัจจุบันพบเด็กและเยาวชนเริ่มใช้ยาเสพติดตั้งแต่อายุยังน้อย (จากระบบรายงาน บสต. ของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามกรมสุขภาพจิต พบว่า ผู้เข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2561-2565 จำนวน 248,585 คน 263,514 คน 221,744 คน 176,889 คน และ 58,286 คน) ซึ่งพบว่าผู้ติดยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัดรักษามากที่สุดมีอายุ 18-24 ปี โดยเริ่มใช้ในช่วงอายุต่ำกว่า 18 ปี การที่พ่อแม่ปรับตัว ให้เหมือนเป็นเพื่อนกับบุตรหลาน ทำความเข้าใจ ใช้เวลาพูดคุย ถามให้คิด และยอมรับฟังอย่างตั้งใจ ด้วยความรัก ความเมตตา พิจารณาพฤติกรรมอย่างมีเหตุผล โดยไม่ว่ากล่าวตำหนิติเตียน เท่ากับเป็นการป้องกันและช่วยแก้ไขปัญหา ก่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ทำให้บุตรหลานกล้าปรึกษาปัญหา หรือแสดงความคิดเห็น อย่างไม่ปิดบังได้ [อ้างอิงข้อมูล : https://antidrugnew.moph.go.th] ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาช้างต้นจะช่วยให้พ่อแม่ได้รับรู้ปัญหา สามารถหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการป้องกันการหลงผิดไปใช้ยาเสพติดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ดังนั้นผู้ปกครองยุคใหม่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากผู้สั่งสอน การออกคำสั่ง ห้ามให้ทำ มาเป็นเพื่อนที่รู้และเข้าใจ ยอมรับฟัง เปิดโอกาส ชี้ชวนให้คิด กระตุ้นให้พูดแสดงความคิดเห็น เลือกเรียนรู้อย่างมีเหตุผล และตัดสินใจในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมด้วยตนเอง
1. วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง หากสิ่งแวดล้อมไม่ดี ก็ส่งผลให้ลองในสิ่งที่ไม่ควรความอยากรู้ อยากลอง มีผลในกระบวนการการตัดสินใจที่จะใช้สารเสพติด ทำให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อนซึ่งเป็นวัยอยากเป็นที่ยอมรับของเพื่อน หากเพื่อนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็มีโอกาสจะติดด้วยและสังคมรอบข้างที่เป็นการ “กดดัน” ที่ทำให้เกิดใช้สารเสพติด ทั้งขาดความรู้ในผลลัพธ์ของสารเสพติด และการประสบความล้มเหลวในชีวิตก็เป็นสิ่งที่ทำให้ใช้สารเสพติดได้เช่นกัน ความไม่รู้ถึงผลเสียของสารเสพติดแต่ละชนิด
2. คิดว่าการใช้เวลานาน กว่าที่จะติดสารเสพติดมีความเชื่อว่าสารเสพติดแพร่หลายอยู่ในสังคมไทยมีความรุนแรงไม่มากพอที่จะทำให้เกิดการติดสารเสพติดในครั้งแรกของการใช้ ซึ่งเมื่อประกอบกับความประมาท และ หรือความขาดสติของคนใช้ จะทำให้เกิดการใช้ในครั้งที่สอง เมื่อร่างกายเกิดการปรับตัวกับสารกระตุ้นที่เกิดจากการใช้สารเสพติดแล้วนั้น ร่างกายคนเราจะ “ต้องการ” สารกระตุ้นที่สารเสพติดแต่ละชนิดผลิตขึ้นอีกเรื่อยๆ เกิดเป็นกิจวัตรของร่างกายที่ต้องการใช้สารเสพติดเป็นประจำ และเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนเกดความชิน
3. ครอบครัวมีส่วนสำคัญมาก หากปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวไม่ดี จะส่งผลให้เด็กมีปัญหาได้ง่ายและได้พึ่งครอบครัวคือสถาบันทางสังคมที่สำคัญที่สุดในสังคม สาเหตุที่ “ครอบครัว” กลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการใช้สารเสพติดได้นั้นยึดโยงกับการที่ครอบครัวคือส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต บุคคล ๆ หนึ่งจะสังเกตพฤติกรรมของสมาชิกครอบครัว ไปโดยอัตโนมัติ ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่มีผู้ใช้สารเสพติด มักจะมีสาเหตุดังนี้
• บุคคลในครอบครัวติดสารเสพติดอยู่แล้ว จึงเลียนแบบ เข้าถึงได้ง่าย
• ครอบครัวไม่มีความอบอุ่น
• มีการทะเลาะเป็นประจำ
• การหย่าร้างหรือแต่งงานใหม่
• การไม่เข้าใจกันของสมาชิกครอบครัว
• การรักลูกไม่เท่ากัน
• การเปรียบเทียบซึ่งทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
• เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากที่บ้าน
4. วัยรุ่นเป็นวัยที่สมองยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ จึงหลงผิดได้ง่าย
5. สื่อปัจจุบันมีความล่อแหลม เช่น การสูบบุหรี่แล้วดูเท่ การดื่มสุรา แล้วดูเข้าสังคมเก่ง เป็นต้น สื่อเหล่านี้ช่วยส่งเสริมด้านบวกให้ยาเสพติด
6. คิดว่าการเสพติดมีเพียงยาเสพติด
และแอลกอฮอล์เท่านั้น คนส่วนมากพบเห็นการเสพติดในรูปแบบของ ยาเสพติด และ แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของรูปแบบการเสพติดเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่ามีการเสพติดอีกหนึ่งรูปแบบ ที่เรียกว่า การเสพติดทางพฤติกรรม ซึ่งผู้เสพติดจะต้องพึ่งพาความรู้สึกของการทำกิจกรรมหรือพฤติกรรมนั้นๆ ไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองให้หยุดได้ เช่น การเสพติดการพนัน การติดเกมส์ นอกจากนี้การพนัน ยังเป็นการเสพติดด้านพฤติกรรมที่พบเห็นได้เยอะ ในปัจจุบัน เช่น ซึ่งคนส่วนมากเล่นเพื่อความบันเทิงหรือเชียร์ทีมโปรดเท่านั้น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เล่นการพนันจนกลายเป็นผู้เสพติดอยู่ในคนกลุ่มนี้เช่นกัน
7. สารเสพติดทำให้ทำงานหรือเล่นกีฬาได้ดีขึ้น
ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่ต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรได้รับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อยาเสพติด และปัจจัยยั่วยุต่างๆ รวมทั้งการเสริมสร้างทักษะชีวิตเพื่อป้องกันการกลับไปใช้ซ้ำ ด้านพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดที่น่าเป็นกังวล คือ การใช้ยาเสพติดมากกว่า 1 ชนิดร่วมกันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้การบำบัดรักษามีความยุ่งยาก ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ปัจจุบันยังพบว่าเด็กและเยาวชนมีการนำสารต่างๆ ที่หาได้ง่ายมาผสมกันเพื่อให้ออกฤทธิ์เหมือนสารเสพติด ซึ่งเด็กและเยาวชนมีการทดลองดื่มสารเหล่านี้เนื่องจากมองว่าเกิดจากส่วนผสมของสารที่ไม่เป็นอันตราย โดยที่ไม่ได้คำนึงว่ามีฤทธิ์เสพติด ปัญหาสารเสพติดเป็นปัญหาที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ส่งผลต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสมองโดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
1. เตรียมความพร้อมผู้ป่วยและญาติ/ผู้ดูแล ซึ่งผู้ป่วยและญาติต้องเข้าใจขั้นตอนการบำบัดรักษาผู้ป่วยเสพติดว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
2. การถอนพิษยา เป็นการรักษาอาการของการที่ร่างกายขึ้นกับยา เพื่อจะได้ หยุดยาได้ สำหรับผู้ที่ติดยานอนหลับ การถอนยาอาจมีอาการมากถึงกับเป็น อันตรายต่อชีวิตได้ เช่นอาการไข้สูง ชัก และช็อก การรักษาจึงต้องอาศัยแพทย์ ซึ่งการบำบัดรักษาผู้ป่วยเสพติดมี 2 รูปแบบ คือ
1) การรักษาแบบผู้ป่วยนอก เป็นการรักษาที่ไม่ต้องนอนค้างในโรงพยาบาล แพทย์เป็นผู้ให้การรักษาทางยา และทีมสหวิชาชีพจะเป็นผู้ให้การบำบัดทางจิตสังคม แพทย์จะนัดพบตามระยะที่กำหนด ใช้ระยะเวลาการบำบัดใช้เวลานาน 4 เดือน เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีระบบการติดตามหลังการบำบัดรักษานาน 1 ปี เพื่อติดตามพฤติกรรมและป้องกันการเสพติดซ้ำ จากรายงานทางวิชาการพบว่า หากผู้ป่วยเสพติดใช้ยาเสพติดมาไม่นาน ยังไม่มีโรคแทรกซ้อนทางกายและจิต ญาติให้ความร่วมมือในการบำบัดรักษาดี การบำบัดรักษาในรูปแบบนี้จะให้ผลดีเช่นกัน
2) การบำบัดรักษาแบบผู้ป่วยใน เป็นการบำบัดรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ยาเสพติดในปริมาณมาก และใช้ยามานาน จนมีอาการแทรกซ้อนไม่ว่าจะเป็นอาการทางกาย หรือทางจิต การบำบัดใช้ระยะเวลา 4 เดือนเช่นกัน เพราะมีหลักฐานทางวิชาการที่เชื่อว่า สมองของผู้เสพติดจะสามารถฟื้นคืนหายได้ เมื่อได้รับการบำบัดฟื้นฟู และไม่ใช้ยาเสพติดนานกว่า 4 เดือนขึ้นไป
3. การปรับปรุงแก้ไขจิตใจ และบุคลิกภาพ เป้าหมายหลักในการรักษาเป็นการปรับปรุงแก้ไขด้านจิตใจ เพื่อให้สามารถหยุดยา ได้ตลอดไป หรือลดปัญหาลง
4. การสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ผู้ที่ติดยาเสพติดมีบุคลิกภาพที่ไม่ดี การที่จิตใจขึ้นกับยาเสพติด เปลี่ยนเป็น การสร้างสิ่งยึดเหนี่ยว อาจช่วยให้ผลการบำบัดรักษาดีขึ้น
5. การแก้ไขสภาพแวดล้อม การให้การฝึกอาชีพ การจัดหางาน การสังคมสงเคราะห์ อาจช่วยผู้ติดยาบางคนที่ไม่มีงานทำได้ มีความรู้ความสามารถ ในการทำมาหากิน มีรายได้ เมื่อกลับเข้าไปสู่สังคมอีกครั้งหนึ่ง การให้คำปรึกษาหารือแก่พ่อแม่ ผู้ปกครองของ ผู้ที่ติดยาเสพติดให้เข้าใจปัญหา และได้ช่วยกันแก้ไข เพื่อให้สภาพแวดล้อมดีขึ้น โอกาสที่จะ กลับไปใช้อีกจะได้น้อยลง
6. การรักษาเพื่อลดปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจของการติดยาเสพติด เทคนิค การรักษาแบบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วมีเป้าหมายที่จะให้ผู้ติดยาเสพติดได้เลิกเสพ และกลับเข้าไปสู่สังคม
[อ้างอิงจาก : การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ไชยยา รัตนพันธ์]
ซึ่งอย่าง Day One เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้ที่มีปัญหาจาก สารเสพติด แอลกอฮอล์ Day One ที่ได้รับรองมาตรฐานสถานพยาบาลประเภทสถานฟื้นฟูสมรรถภาพ (สถานบำบัดยาเสพติด) เป็นสถานบำบัดยาเสพติดกินนอนหรือแบบอยู่ประจำ บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท จังหวัดนครนายก โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาจะจัดกิจกรรมการบำบัดและโปรแกรมการบำบัดยาเสพติดแบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความจำเป็นของผู้บำบัดยาเสพติดแต่ละคน เพื่อสร้างสมดุลใหม่ในชีวิตและฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางร่ายกายและจิตใจ เพื่อพร้อมเริ่มต้นใหม่กับการออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีความสุข
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
99/1 หมู่ 6 ตำบล ศรีจุฬา อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัด นครนายก 26000
064-645-5091
[email protected]
จันทร์ – อาทิตย์: 9.00 -17.00