เนื่องจากวันที่ 20 เมษายน 66 มีประเด็นรณรงค์ เรื่อง นโยบายกัญชาเสรีในปัจจุบัน ที่มีความเสรีมากเกินไป และเริ่มมีกลุ่มที่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ มาแสดงความคิดเห็นต่อกัญชา ว่ามีข้อดีในการเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย ซึ่งคุณชูวิทย์กล่าวเห็นด้วยกับกัญชาทางการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรี ซึ่งได้มีการแบ่งนโยบายกัญชาในไทยตามนี้
(ก) กลุ่มห้ามใช้กัญชาเลย (กัญชาเป็นยาเสพติด 100 เปอร์เซนต์) มีนโยบายย่อย 2 ระดับ คือ
(1) กัญชาเป็นภัยร้ายแรง โทษอาญาเต็มทั้งผู้ค้าและผู้เสพ
(2) กัญชาเป็นภัยร้ายแรง แต่ลดทอนโทษอาญาสำหรับผู้เสพ ส่วนผู้ค้ามีโทษอาญา
(ข)กลุ่มใช้ประโยชน์กัญชาในทางการแพทย์ (แต่กัญชายังเป็นยาเสพติด) มีนโยบายย่อย 2 ระดับ คือ
(3) กัญชาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ โดยอยู่ในการดูแลของแพทย์ แต่อนุญาตให้ผู้ป่วยปลูกเอง
(4) กัญชาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ โดยอยู่ในการดูแลของแพทย์ และผู้ป่วยสามารถปลูกกัญชาที่บ้านในจำนวนจำกัด หากแพทย์อนุญาต
(ค)กลุ่มใช้ประโยชน์กัญชาเพื่อสันทนาการ (กัญชาไม่เป็นยาเสพติด) มีนโยบายย่อย 4 ระดับ คือ
(5) กัญชาใช้ประโยชน์เพื่อสันทนาการได้ แต่มีมาตรการคุมเข้ม
(6) มีมาตรการควบคุม
(7) เพิ่มให้ประชาชนปลูกเองได้โดยไม่ต้องขออนุญาต และ
(8) เพิ่มให้ปลูกเชิงพาณิชย์ได้ไม่ต้องขออนุญาต
กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ หลังจากปลดกัญชาเสรีและมีลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) คือ นโยบายกลุ่ม (ค) สามารถใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้ เพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว
แม้กระทรวงสาธารณสุขจะพูดตลอดเวลาว่าสันทนาการไม่ใช่วัตถุประสงค์ และอยู่ที่นโยบายระดับย่อยที่ 8 คือ มีมาตรการควบคุมเล็กน้อย และประชาชนปลูกเองได้และธุรกิจก็ปลูกได้โดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่จำกัดจำนวน
ซึ่งสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยแนะนำให้รัฐควรให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปอย่างทั่วถึง ลดโอกาสที่จะเกิดโทษหรือผลกระทบต่อสังคมให้น้อยที่สุด และได้มีเรียกร้องให้รัฐจัดทำมาตรการและการควบคุมอย่างเป็นรูปธรรมก่อนปลดล็อคกัชญา เพื่อป้องกันกลุ่มเปราะบางและเพื่อประโยชน์ที่แท้จริงต่อทางการแพทย์และประชาชน
ทำให้คุณชูวิทย์เอง เสนอให้กลับไปที่นโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ คือ นโยบายกลุ่ม ข ระดับ 3 แต่กลุ่มที่สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ได้เสนอตัวอย่างผู้ป่วยที่ปลูกกัญชาใช้เองแล้วได้ประโยชน์ในการรักษา ซึ่งคือนโยบายกัญชาทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยปลูกเองได้ คือ นโยบายกลุ่ม ข ระดับ4 ไม่ต้องการกัญชาเพื่อสันทนาการ จึงทำให้เราเห็นว่า ยิ่งมีคนออกมาให้เหตุผลถึงประโยชน์ต่างๆของกัญชามากมายในทางการแพทย์ ประเทศไทยเองยิ่งต้องรีบยกเลิกนโยบายกัญชาเสรี และรีบดำเนินการทำนโยบายกัญชาทางการแพทย์เร็วยิ่งขึ้น เพื่อที่ให้ประเทศได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ
1.ใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์จากกัญชา
2.ปิดข้อเสียของกัญชาจากการใช้สันทนาการ นั้นเอง
แล้วคุณละคิดว่า “อยากให้ไทยมีนโยบายกัญชา” อยู่ในระดับไหนกัน ที่จะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน และสังคมมากที่สุด!!!
ถึงนโยบายกัญชาเสรีของประเทศไทยมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ การปลดล็อกกัญชาทุกส่วนออกจากรายชื่อยาเสพติดให้โทษ (หากมีสาร THC ไม่เกิน 0.2%) และการปลดล็อกนี้เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีกฎหมายหรือมาตรการใดมาควบคุมการใช้งานอย่างเพียงพอจนถึงปัจจุบัน เกิดเป็นสภาวะ “สุญญากาศ” ที่ส่งผลให้การปลูก จำหน่าย บริโภคและใช้กัญชาในสังคมไทยเป็นไปอย่างไร้กฎเกณฑ์ เสรีมากขึ้น ขาดการควบคุมความปลอดภัยที่สำคัญคือ ทำให้ปัจจุบันส่งกระทบต่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน และผู้ป่วยที่ได้ผลกระทบกับกัญชามากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการคุ้มครองจากการดำเนินนโยบายนี้มากที่สุดอีกด้วย
หากท่านหรือบุคคลใกล้ชิดมีภาวะเสพติดกัญชาและต้องการเลิกกัญชา หรือบำบัดยาเสพติด ติดต่อ DAY ONE ศูนย์บำบัดยาเสพติด มีรูปแบบการบำบัดการรักษาที่ยึดแนวการบำบัดแบบองค์รวม เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยการบำบัดวิธีต่าง ๆ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
99/1 หมู่ 6 ตำบล ศรีจุฬา อำเภอ เมืองนครนายก จังหวัด นครนายก 26000
064-645-5091 [email protected]
จันทร์ – อาทิตย์ : 9.00 -17.00